ผลการชันสูตรของเจ้าหน้าที่นิติเวชอิสระที่ว่าจ้างโดยครอบครัวฟลอยด์ เปิดเผยว่า “จอร์จ ฟลอยด์” เสียชีวิตจาก “การขาดอากาศหายใจเนื่องจากแรงกดที่ต่อเนื่อง” หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของมินนิอาโปลิสจับเขาเอามือไพล่หลังและใช้เข่ากดลงที่คอของเขา แรงกดดังกล่าวขัดขวางการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง โดยเจ้าหน้าที่นิติเวชอิสระกล่าวว่า ฟลอยด์เสียชีวิตภายใน 4 นาที หลังจากที่โดนกดลงกับพื้น และสรุปว่าเป็นเหตุฆาตกรรม

ผลชันสูตรครั้งนี้ขัดแย้งกับผลชันสูตรของศูนย์นิติเวชเฮนเนพินที่ออกมาก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่าไม่พบหลักฐานอย่างเป็นรูปธรรมที่สนับสนุนว่า ฟลอยด์เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจจากบาดแผลหรือการบีบรัดคอ แต่สาเหตุการเสียชีวิตมาจากอาการของโรคหัวใจเป็นหลัก รวมทั้งสารเสพติดอย่างเฟนทานิลและเมตแอมเฟตามีน แต่ไม่ได้ระบุปริมาณของยาที่พบในเลือดของฟลอยด์ ซึ่งนายแอนโตนิโอ โรมันนุชชี ทนายของครอบครัวฟลอยด์ กล่าวกับ CNN ว่า ไม่ว่าฟลอยด์จะเมายาหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขา ซึ่งเป็นการฆาตกรรมโดยฝีมือของผู้อื่น

ดร.ไมเคิล บาเดน หนึ่งในเจ้าหน้าที่นิติเวชอิสระกล่าวว่า สุขภาพร่างกายของฟลอยด์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเขา และเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเชื่อผิดๆ ว่า ถ้ายังพูดได้ แปลว่าหายใจได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง

เดเร็ค เชาวิน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กดคอของฟลอยด์ ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมระดับสาม และฆ่าคนโดยประมาท ทว่าเบน ครัมป์ ทนายของครอบครัวฟลอยด์ กล่าวว่าเขาควรถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมระดับหนึ่ง ในขณะที่เจ้าหน้าที่อีก 3 คน ที่อยู่ในที่เกิดเหตุถูกไล่ออก และยังไม่มีการตั้งข้อหา ซึ่งโรมันนุชชีได้เรียกร้องให้ตั้งข้อหาคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมก่อเหตุ